อาชีพค้าขาย ง่ายกว่าที่คิด

บล็อคของคนค้าขาย

Saturday, August 10, 2013

อาชีพค้าขาย: หลักการของอาชีพค้าขาย

หลักการของอาชีพค้าขาย

การจะเริ่มทำอะไรสักอย่าง หลายคนคิดว่ามันยาก  จนไม่กล้าที่จะทำอะไร ขอแนะนำให้เริ่ม
อาชีพค้าขาย ซึ่งสามารถทำได้ทุกคน การทำมาค้าสามารถยึดเป็นอาชีพ ทำให้เกิดรายได้หลัก
ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน การทำอาชีพค้าเป็น ส่วนสำคัญของเศรษฐกิจ ในทุกประเทศไม่ว่าจะ
ประกอปการค้าขายแบบไหน ขอให้ยึดหมั่นในสิ่งที่ทำ อาชีพที่สุจริตเท่านั้น ที่สามารถยืนยัดได้
อย่างมั่นคง ทำอย่างมีหลักการ

หลักการของอาชีพค้าขาย

1. ประกอปกิจการอาชีพด้วยความโปร่งใส่ตรวจสอบได้
2. บริการต้องมาที่หนึ่งเสมอ
3. จดและบันทึกสิ้นค้าเสมอเพื่อควบคุมการใช้จ่าย
4. ซื่อสัตย์ต่อตัวเองและคู่ค้า

หลักการประกอบอาชีพค้าขายอย่างมีความสุข

ชาวพุทธเรา โดยคร่าวๆ ประกอบไปด้วยคน ๒ กลุ่มใหญ่คือ พระภิกขุ และโยม ส่วนมากเรามักจะได้ยินเฉพาะเรื่องที่พระพุทธเจ้าสอนธรรมะแก่พระภิกขุสาวก ไม่ค่อยได้ยินธรรมะที่พระองค์สอนโยมเรื่องการทำมาหากินเท่าไรหนัก แต่ความจริงแล้ว พระองค์ทรงมีพระมหากรุณา ต่อสมาชิกในพุทธบริษัททุกคน โดยเฉพาะมนุษย์ที่ยังต้องทำมาหากินอย่างพวกเรานี้ เพราะนอกจากพระองค์จะสั่งสอนให้เราปฏิบัติดี ทำจิตให้ผ่องแผ้วแล้ว ยังได้ทรงสั่งสอนหลักการประกอบอาชีพแก่พวกเราด้วยเพื่อให้เรามีฐานะทางเศรษฐกิจดีตามสมควร เพื่อจะได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างมีความสุขตราบเท่าที่ยังอยู่ในวัฏสงสาร ซึ่งพบในพระไตรปิฎก เล่มที่ 23 ทรงตรัสสอน ธรรมะ 3 หมวด ดังนี้ค่ะ
1. การทำงานให้ประสพความสำเร็จเพื่อให้มีฐานะดีขึ้น พระองค์สอนว่ามีแนวทาง 4 อย่าง ต่อไปนี้ ที่ปฏิบัติแล้วย่อมจะเป็นทางเจริญชึ่งทรัพย์ คือ

1.1 ขยันทำงานอย่างฉลาดและถูกวิธี: อุฏฐานสัมปทา
1.2 เก็บออมเงินทองหรือทรัพย์สินที่ได้มาอย่างฉลาด: อารักขสัมปทา
1.3 การรู้จักพบปะผู้คนและสร้างมิตรกับคนที่ดี: กัลยาณมิตตตา
1.4 รู้จักใช้ชีวิตให้มีความสุขอย่างเหมาะสม: สมชีวิตา ฯ
2 หลีกเลี่ยงการทำให้ทรัพย์สินหมดไปโดยไม่มีประโยชย์ พระพุทธเจ้าตรัสสอน ว่ามีทางไม่ดี 4 ประการ ที่จะทำให้ทรัพย์สินที่เกิดโดยชอบถึงแก่ทางเสื่อม คือ

2.1 เป็นนักเลงหญิง
2.2 เป็นนักเลงสุรา
2.3 เป็นนักเลงการพนัน
2.4 มีมิตรชั่ว สหายชั่ว เพื่อนชั่ว
3 วิธีการปฏิบัติเพื่อประโยชน์และความสุขในภายภาคหน้ พระพุทธเจ้าตรัสสอน ว่ามีแนวทางอีก 4 ประการ ที่ปฏิบัติแล้วย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์เพื่อความสุขในภายภาคหน้าแก่ทุกๆคนคือ

3.1 การมีศรัทธา ต่อพระพระพุทธเจ้า ว่าพระองค์นั้นเป็นผู้มีปัญญาตรัสรู้เอง ผู้เบิกบานแล้วในธรรม และเป็นผู้สามารถจำแนกธรรมเพื่อสั่งสอนคนต่างๆ ได้ แต่เนื่องจากปัจจุบันพระองค์ปรินิพานไปแล้ว คงเหลือแต่ตัวแทนท่านคือ ธรรมะ ดังนั้นเราต้องเคารพ และปฏิบัติตาม ธรรมะ คำสั่งสอน ของพระพุทธเจ้า

3.2 การเป็นผู้มีศีล โดยเฉพาะศีล 5 คือ งดเว้นจากการฆ่าชีวีต หรือทำให้บาดเจ็บ งดเว้นลักขโมย งดเว้นพูดโกหก หรือพูดไม่ดี งดเว้นประพฤติกามไม่เหมาะสม งดเว้นสุราสิ่งเสพติด

3.3 การให้ทาน การบริจาค ก็คือการที่ผู้คนมีจิตใจไม่ตระหนี่ขี้เหนียว รู้จักการให้ และแบ่งปัน ให้ด้วยใจยินในการแบ่งปัน เรียกว่าให้เกิดความยินดีในการสละ

3.4 เป็นผู้มีปัญญาและความเห็นที่ถูกต้อง ตั้งแต่อย่างต่ำในชีวิตประจำวันและการงาน ไปหาถูกต้องสูงสุดคือการที่เป็นผู้มีปัญญา หรือประกอบด้วยปัญญาที่เห็นความเกิดและความดับของสรรพสิ่ง สามารถขจัดกิเลสให้ถึงความสิ้นทุกข์ในที่สุด
หากเราศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้าให้ดี จะทราบว่า พระองค์สอนให้เราขยันทำงานโดยพึ่งพาตัวเอง ทำงานโดยใช้สมอง สติปัญญาอย่างฉลาด รู้จักเก็บออม และใช้ทรัพย์สินที่หามาได้อย่างเหมาะสม ในการใช้ชีวิตพระองค์ยังสอนให้เรารู้จักทำความดีด้วย เพื่อความสุขที่ยั่งยืน ทั้งในชาตินี้ และชาติหน้า พระองค์ไม่เคยสอนให้เราขี้เกียจ รอลุ้นโชคลาภ รอลุ้นหวยเพราะฉะนั้นเราต้องขยัน และลงมือทำงานตั้งแต่เดี่ยวนี้เลย.....

หลักการทั้งหมดเราสามารถนำไปปฏิบัติได้ กับทุกอาชีพ ไม่ว่าท่านจะทำประกอปอาชีพค้าขาย หรืออาชีพอื่นๆ ขอให้ทุกท่านจงพบแต่ความเจริญ...



0 comments :

Post a Comment